skip to content
B L O G

Assessment Tools part 2 (MEQ)

/ 2 min read

ภาค 2 มาต่อกันที่เครื่องมือข้อเขียน MEQ

MEQ

The Essay

เมื่อเปรียบเทียบกับ MCQ ข้อสอบเขียนสามารถประเมิน Higher level ได้มากกว่าตาม Bloom’s taxonomy ข้างต้น

ในอดีตรูปแบบการออกข้อสอบ Essay จะเป็นการออกข้อสอบที่ให้เขียนแบบเปิดกว้าง เช่น จงอธิบาย Peritoneum แล้วให้บริเวณเขียนคำตอบเป็นหน้ากระดาษ ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น

  • แนวโน้มการวัดความรู้ที่จะเป็น recall มากกว่า higher cognitive level
  • Content coverage จะต่ำเพราะออกเยอะ ตรวจเยอะไม่ไหว
  • Time consuming for scoring ใช้เวลาในการตรวจนาน โดยเฉพาะถ้าเป็นลายมือเขียน
  • Standardized of scoring ขึ้นอยู่กับอาจารย์ผู้ออกข้อสอบ assessor-dependent
  • Low reliability ผลจาก standardized

จากปัญหาดังที่กล่าวมาจึงมีการพัฒนารูปแบบข้อสอบที่เป็นการเขียนตอบเป็น MEQ (Modified essay question) วัตถุประสงค์คือต้องการประเมิน Clinical skills, Problem solving MEQ จะวัดความสามารถต่างๆ ของผู้ทำข้อสบ ดังนี้

  • Data gathering ซักประวัติ ตรวจร่างกาย
  • Hypothesis generation จากข้อมูลที่รวบรวมได้
  • Hypothesis refinement นำข้อมูลมาประกอบ เพื่อ ddx. โรค
  • Making decision and planning management

ลักษณะข้อสอบ MEQ

Factual case history presented in stages แบ่งข้อมูลเป็นระยะๆ ค่อยๆ เติมข้อมูล เมื่อเปิดหน้าถัดไป ประเมิน Clinical reasoning and problem solving skills Multiple questions (7-8 questions, 90 mins) ทำให้ เนื้อหาครอบคลุมมากขึ้น Predetermined check list of correct answer กำหนด check list เพื่อให้ตรวจได้ชัดเจน ถ้าทำได้ดีจริง อาจารย์ท่านใดมาตรวจต้องได้เหมือนกัน Increased reliability

Structure of MEQ

ส่วนต่างๆ ของการออกแบบข้อสอบ MEQ มักจะมีโครงสร้างต่างๆ ดังนี้

  • Brief scenario ส่วนแรกๆ ของข้อสอบ จะให้ข้อมูลที่จำเป็นมาสั้นๆ แต่ต้องบอกรายละเอียดที่ชัดเจน
  • Hypothesis generation นำข้อมูลเบื้องต้นมาลองตั้งสมมุติฐาน เช่น Differential diagnosis
  • Data gathering ให้ซักประวัติ หรือตรวจร่างกายเพิ่มเติม
  • Feedback ข้อมูลเติมเข้ามา
  • Hypothesis refinement นำข้อมูลที่ได้มาประกอบกับสมมุติฐานที่เกิดขึ้น
  • Management แนวทางการดูแลผู้ป่วย
  • Pathophysiology or mechanism of disease อธิบายรายละเอียดที่เกี่ยวกับโรค

Brief scenario

อาจะให้ข้อมูล เบื้องต้น แค่ประวัติอย่างย่อ หรือ Lab บางอย่าง ข้อมูลที่ให้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเพียงพอในการตั้งสมมติฐาน หรือดูแลเบื้องต้น (ตอบคำถาม) ในช่วงแรกได้หรือไม่

Scenario construction

  • ให้ข้อมูลสำคัญ
  • กำหนดบทบาทผู้สอบ
  • ระบุสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์

ตัวอย่าง Brief scenario

ผู้ป่วยเด็กอายุ 7 ปี
อาการสำคัญ: ไข้ ไอ หายใจเร็ว 5 วันก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติปัจจุบัน: 5 วันก่อนเริ่มมีไข้ต่ำๆ ไอมีเสมหะ เจ็บคอเล็กน้อย น้ำมูกใส มารดาซื้อยาให้กิน อาการไม่ดีขึ้น 1 วันก่อนมายังมีไข้สูง ไอมากขึ้น สังเกตว่าหายใจแรง จึงพามาโรงพยาบาล
ประวัติอดีต: สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ขับถ่ายปกติ

ตรวจร่างกาย
Vital signs: BT 39 c RR 40/min PR 100/min BP 100/60 mmHg
GA: Consciousness, not pale, no jaundice
HEENT: No injected pharynx and tonsils, intact tympanic membrane, no nasal discharge, no palpable lymph node
CVS: Regular S1,S2, no murmur
Chest: Tachypnea, fine crepitations at RLL with occasional rhonchi
Abdomen: Soft, not tender, no organomegaly

คำถาม
จงให้การวินิจฉัยแยกโรคเบื้องต้น (Hypothesis generation)
ถามประวัติและตรวจร่างกายเพิ่มเติมอะไรบ้าง (Data gathering)
จงให้การรักษาเบื้องต้น (Management)

Data gathering

วัดความสามารถในการหาข้อมูลสำคัญ ตัวอย่างคำถาม

  • ท่านต้องการข้อมูลจากประวัติและการตรวจร่างกาย หรือส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญอะไรบ้าง เพื่อ… (ควรจะมีการระบุจำนวนข้อ เพื่อให้ผู้ตอบพยายามเลือกที่จำเป็น)
    • ช่วยในการวินิจฉัย
    • ช่วยในการรักษา
    • ช่วยประเมินความรุนแรง

Feedback

ให้ข้อมูลเพื่อช่วยตัดสินใจ ในขั้นตอนต่อไป (พลิกหน้า)

Hypothesis refinement

นำข้อมูลที่ได้มาประกอบกับสมมุติฐานเบื้องต้น

  • ให้การวินิจฉัยแยกโรคที่แคบลง
  • วินิจฉัยเบื้องต้น
  • วางแผนการดูแลหรือส่งตรวจเพิ่มเติม
  • ประเมินความรู้ ความเข้าใจ

Management

คำถามกลุ่มการดูแลผู้ป่วย

  • มักจะเป็นคำถามท้ายๆ เมื่อผู้สอบได้ข้อมูลเกือบครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
    • การให้คำแนะนำ
    • ให้คำปรึกษา
    • ส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ
    • ถามอุบัติการณ์
    • กลไกลการเกิดโรค
    • ภาวะแทรกซ้อน หรือข้อควรระวัง
  • กลุ่มคำถาม recall ไม่ควรเกิน 5-10%

ขั้นตอนการสร้าง MEQ

Table of Specification

เพื่อให้การสร้างคำถาม และการให้น้ำหนักแต่ละหัวข้อการประเมินมีแนวทางชัดเจนแต่แรก จึงควรกำหนด Table of spec ก่อน ดังตัวอย่าง

คำถามที่เวลา(นาที)คะแนนCompetency
1……hypotesis generation
2……emergency management
3……data gathering
4……clinical reasoning

อภิปรายคำตอบที่อาจเป็นไปได้ (Possible Answer)

เนื่องจากเป็นข้อเขียน คำตอบจึงไม่ตายตัว สามารถตอบได้หลากหลายแนวทาง การร่วมกันอภิปรายคำตอบกับอาจารย์กันเองหรือแม้กระทั่งการให้กลุ่ม แพทย์ประจำบ้าน หรือแพทย์ใช้ทุนทดลองทำก่อน อาจจะเป็นตัวช่วยในการพิจารณาสร้างแนวทางคำตอบของแต่ละข้อได้

กำหนดคะแนนและเวลาสอบ

พิจารณาจากคำถาม และความยากง่ายในแต่ละคำถาม-คำตอบ ให้ลองกำหนดเวลา และคะแนนในแต่ละคำตอบว่าได้เท่าไร เพื่อใช้ประเมินเบื้องต้น

ทดลองสอบเพื่อจับเวลา

ทดลองโดยให้กลุ่มที่มีความรู้ใกล้เคียงกันมาทดลอง เช่น แพทย์ใช้ทุน แล้วลองจับเวลาทำข้อสอบ ถ้าจะต้องนำไปใช้ในกลุ่ม นักศึกษาแพทย์จะต้องเพิ่มเวลาให้อีกประมาณ 30-50% ตามความสามารถในแต่ละชั้นปี

แนวทางการให้น้ำหนักแต่ละส่วนของข้อสอบ

เป็นการให้น้ำหนักคะแนนในแต่ละส่วนที่ไม่เท่ากัน โดยพิจารณาจากความรู้ของนักเรียนในแต่ละชั้นปี ดังตัวอย่าง

Clinical competency4th year5th year6 th yearResident
Hypothesis generation10202020
Data gathering40302020
Hypothesis refinement30252515
Investigation10101010
Management10151520
Counseling--1015

Predetermined Answer

เป็นประเด็นสำคัญของการสร้างข้อสอบ MEQ เนื่องจาก เป็นการสร้างคำตอบไว้ล่วงหน้า เช่น

คำถามที่ 1 จงตอบมา 5 ข้อ (คะแนนเต็ม 15 คะแนน) คำตอบที่คาดหวัง จะต้องมากกว่า 5 ข้อ เช่น 6-10 ข้อ และไป weight คะแนนแต่ละข้อ

Answer checklist

  • Correct answer could be more than one เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นได้ในข้อสอบข้อเขียน
  • List possible correct answers as much as possible
    • Pilot ทดลองให้ทำข้อสอบแล้วนำผลการทำข้อสอบมาพิจารณาหาคำตอบที่เหมาะสม
    • Peer review ให้อาจารย์ด้วยกันช่วยกันดูแล้วหาคำตอบที่เหมาะสม
    • Brainstorm ใช้อาจารย์ หรือแพทย์แผนกต่างๆ ช่วยกันดูจะได้ครอบคลุมคำตอบที่นักศึกษาแพทย์จะตอบมากขึ้น