skip to content
B L O G

Curriculum Development

/ 2 min read

Curriculum คือ ส่วนที่รวมทุกอย่าง ตั้งแต่ เนื้อหา วิธีการสอน ผลลัพธ์ การประเมินผล การจัดสิ่งแวดล้อมการเรียน ตารางเรียน

Kern’s six-step approach 1

เป็นทฤษฏีที่ได้รับการยอมรับมานาน ออกแบบโดยแพทย์ เพื่อสร้างหลักสูตรการเรียนการสอนแพทย์ มีขั้นตอนดังนี้

  1. Problem Identification วิเคราะห์หาปัญหาทางสุขภาพ ที่จะต้องถูกบรรจุในหลักสูตร
  2. Needs Assessment of Targeted Learners ผู้สร้างหลักสูตรจะต้องพิจารณาหาความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และอุดมคติ (ที่อยากให้เป็น) ทั้งด้านผู้เรียน และสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้
  3. Goals and Objectives กำหนดเป้าหมายของการเรียนที่ชัดเจน เป็นสิ่งสำคัญเพราะ
    1. ช่วยเลือกเนื้อหาในการสร้างหลักสูตร
    2. ช่วยเลือกวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน
    3. วัดและประเมินผลทั้งผู้เรียน และหลักสูตรได้
    4. ทำให้เลือกวิธีการประเมินที่เหมาะสม
    5. ใช้สื่อสารกับผู้อื่นได้ว่าผลลัพธ์การเรียนหลักสูตรนี้คืออะไร และเป้าหมายคืออะไร
  4. Educational Strategies มีสองประเด็นหลักๆ คือ
    1. จัดการเรียนรู้ทั้งด้านเนื้อหา และวิธีการเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์
    2. นิยามเป้าหมายของการวัดผลลัพธ์ได้
  5. Implementation ในขั้นตอนนี้การนำไปใช้งานผู้พัฒนาจะต้องระมัดระวังเรื่องทรัพยากรต่างๆ ว่าเพียงพอเช่น ด้านนโยบาย, ด้านการเงิน หรือแม้กระทั่งด้านการบริหารจัดการต่างๆ
  6. Evaluation and Feedback ขั้นตอนสุดท้ายเพื่อให้เกิดการนำกลับมาพัฒนาใหม่อีกครั้ง

เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นจึงมีการแบ่งขั้นตอนการพัฒนา (Stage) เป็นระยะต่างๆ 2

StepsOptions
1.Character of the course
2.Statement of overall purpose of the curriculumMission or Vision or Graduate characteristics or Aims
3.Specific intended achievementsObjectives or Outcomes or Competencies
4.Curriculum organizationIntegration around selected framework +/- Core and options +/- Spiral model around continuous themes +/- Modular structure
5.Educational experiencesLearning and teaching methods Learning resources Feedback and support Practical and clinical experience Sties
6.Curriculum evaluation plan

Finding the Gap?

จาก ทฤษฏีข้างต้นจะใช้วิธีการวิเคราะห์หาช่องว่างระหว่างผลลัพธ์ที่ต้องการ และผลลัพธ์ปัจจุบัน เพื่อนำมาพัฒนาหลักสูตรให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ แบ่งเป็นประเภทความต้องการ (needs) ในแต่ละประเภท และวิธีการได้มาซึ่งความต้องการต่างๆ ดังนี้

Types of needs

  1. Expressed needs ความต้องการที่ตรวจพบจากการกระทำของนักเรียน เช่น เจอ gap ในทักษะของการทำหัตถการ จาก note ใน medical record มักจะได้ผ่านการ observe เพราะฉะนั้น expressed needs จะเป็นสิ่งที่เกิดจากอาจารย์สังเกต
  2. Felt needs ใช้ความรู้สึกในการประเมินความต้องการของนักเรียน เช่นจากการสำรวจนักเรียนโดยตรงว่า ยังขาดเรื่องอะไรอยากให้สอนอะไรเพิ่ม อาจจะถูกหรือไม่ถูกก็ได้
  3. Normative needs เป็นข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญและมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ว่ามีสิ่งสำคัญหรือต้องการอะไรบ้าง
  4. Comparative needs ใช้วิธีการเปรียบเทียบระหว่าง curriculum อาจจะต่างมหาวิทยาลัย หรือหลักสูตร ที่มีความคล้าย แล้วมาดูเปรียบเทียบกัน
  5. Legislative needs ความต้องการขององค์กรที่ควบคุม หรือผู้มีอำนาจเป็นต้น เช่น แพทยสภา, กฏหมาย จะขึ้นกับบริบทของแต่ละที่

Learning outcome (LO)

เป็นสำคัญที่ต้องการให้เกิดขึ้นหลังการเรียนรู้ เช่น สามารถ ประยุกต์ หรือ แสดงให้เห็นได้ในเรื่องใดๆ

ลักษณะที่ดีของ LO

  • Precise ตรง
  • Action Verb ต้องมี action หรือการกระทำที่ชัดเจน เช่น สามารถ แสดง อภิปราย ที่สำคัญคือต้องสามารถสังเกต หรือประเมินได้
  • Level High or low challenge (Bloom’s taxonomy) ต้องชัดเจนว่าจะประเมินที่ระดับไหน อ้างอิงตาม Bloom’s taxonomy

MNEMONIC สำหรับการตั้ง Learning outcome

SMART

  • Specific - จำเพาะ มีความเจาะจง
  • Measurable - วัดได้ ประเมินผลได้
  • Achievable - ทำได้
  • Relevance - มีความเกี่ยวข้องกันกับหลักสูตร
  • Time bound - ระยะเวลาชัดเจน

Constructive alignment

เป็นสิ่งที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือจะต้องทำให้เกิดลักษณะการวางหลักสูตรที่เชื่อมต่อกัน (Constructive alignment) ตั้งแต่ Learning outcome (LO), Assessment และ Learning experience เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด3

Constructive Alignment (Biggs, 1999)

Footnotes

  1. Develop a Curriculum Using the Six-Step Approach to Curriculum Development

  2. Chapter 5 Principles of Curriculum Design : Understanding Medical Education

  3. Aligning for Learning: Including Feedback in the Constructive Alignment Model