skip to content
B L O G

Study Guide

/ 2 min read

เรื่องสำคัญสำหรับเรื่องนี้คือ ความหมายของ Study guide และนำไปใช้ได้อย่างไร

What is Study Guide?

A study guide can be anything that facilitates learning in a particular topic. It may be a textbook or other resource that fosters comprehension of literature, research topics, history, and other subjects. - Wikipedia1

A study guide is a tool designed to facilitate students interaction with the various components of the curriculum - R.M. HARDEN, J.M. LAIDLAW & E.A. HESKETH2

จากตัวอย่างการให้นิยามข้างต้น กล่าวโดยสรุปคือ “เครื่องมือ” สำหรับช่วยในการเรียนรู้ในลักษณะ Student-Centered Learning อาจจะเป็นในรูปแบบ Print หรือ Digital Copy ก็ได้

รูปแบบการเรียนรู้ ลักษณะ Student-Centered

  1. Direct-self dependent - เช่น อาจารย์ให้ เนื้อหาแต่ละคนไปอ่าน แล้วกลับมาคุยกัน
  2. Direct-self Independent เช่น อาจารย์สร้าง Online Learning Module มีกำหนดเนื้อหาไว้หมดแล้ว ให้ไปอ่านเองได้ แต่ไม่ต้องมาเจอผู้สอน
  3. Self-directed dependent เช่น นักศึกษาแพทย์ไปอ่าน Case ด้วยตนเองแล้วมาถามอาจารย์ หรือ Resident ทำวิจัย ที่กำหนดหัวข้อเองแล้วไปปรึกษาอาจารย์
  4. Self-directed independent เช่น เรียนเอง ปฏิบัติเอง ยกตัวอย่าง การหาเทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม

เปรียบเทียบ Study Guide กับรายละเอียดเนื้อหาที่ต้องไปศึกษาเอง

เนื้อหาที่จะเรียนมักจะมีเฉพาะ Content มีการให้เอกสารเพื่อไปอ่านเนื้อหาเพราะฉะนั้นนักศึกษาจะได้ใช้เทคนิคการเรียนเฉพาะการ “อ่าน” เพียงอย่างเดียว ส่วน Study Guide จะสามารถทำให้เกิด Activities ต่างๆ ได้จากตัวของ Study Guide เอง

Type of study guide

  • Information-oriented เน้นเนื้อหา เช่นการแจกเอกสารประกอบการเรียนให้ไปศึกษามาก่อน
  • Activity-oriented เน้นกิจกรรม เช่น ขึ้นปฏิบัติงานหรือมาเรียนในรายวิชานี้แล้วไปเรียนวันไหน ที่ไหน อย่างไร
  • Management-oriented มีรายละเอียดส่วนที่เป็นเนื้อหาว่าจะเรียนอย่างไรบ้าง

What should contain

  • Overview of topic อารัมภาบท เช่น เรื่องเกี่ยวกับอะไร
  • Expected learning outcomes ความต้องการของผลลัพธ์การเรียนรู้หลังจากสิ้นสุดการศึกษา Study guide นี้
  • Prerequisites ต้องดูว่ามีความรู้พื้นฐานอะไรมาก่อนจะศึกษา Study guide นี้ อาจจะใส่ Link หรือใส่เนื้อหาไปได้เลย
  • Timetable ตารางกิจกรรม (ถ้ามี)
  • Learning strategies แนะนำวิธีการเรียนอย่างไรให้ได้ผล
  • Learning resources แนะนำสิ่งที่สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้
  • Assessment information ข้อมูลรายละเอียดการประเมินต่างๆ
  • Staff contacts รายละเอียดการติดต่ออาจารย์
  • Personal comments เป็นส่วนที่สำคัญ เช่น อาจารย์สามารถให้ comment เพิ่มเติมได้ว่าประสบการณ์อาจารย์เคยทำแบบนี้แล้วใช้งานได้ดี (ไม่จำเป็นต้องมี Reference)
  • Record of achievement บันทึกความก้าวหน้าในการเรียน เช่น เรียนไปถึงขั้นไหนแล้ว ให้บันทึกความคืบหน้าเอง
  • Reference to text and journals ส่วนนี้จะมากกว่า Learning resources ให้บอกระบุ เฉพาะเจาะจงให้ชัดเจน ว่าอ่านหน้าไหนถึงหน้าไหน
  • Quotation from text ถ้ามีการคัดลอกข้อความจาก textbook หรือหนังสือมาให้ใส่ อ้างอิงด้วย
  • Glossary นิยามความหมายของคำต่างๆ เพื่อความเข้าใจมากขึ้น
  • Self assessment แบบทดสอบเพื่อประเมินตนเอง มีเฉลยร่วมด้วย

วิธีการทำให้เกิด Interactive ใน Study Guide

  1. Question เช่น ให้ตั้งคำถามไปคุยกับแพทย์พี่เลี้ยง เพื่อมาตอบคำถามใน Study guide
  2. Student’s activity สร้างกิจกรรมต่างๆ ให้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Study guide
  3. Self assessment สามารถใช้ประเมินตนเองได้ ผ่านข้อสอบ หรือแบบประเมิน

ผู้มีส่วนร่วมในการทำ Study guide

  1. Content Expert - มักจะเป็นอาจารย์แพทย์ ที่จะมีความรู้ในเรื่องที่ต้องการจะสอน
  2. Educationalist - เป็นนักวิชาการศึกษา หรืออาจารย์ที่มีทักษะในการสอน การทำ Study Guide เพื่อให้เกิดการสร้าง Study Guide ที่มีประสิทธิภาพ
  3. Educational Technologist - นักเทคโนโลยีด้านการศึกษา เพื่อให้ Study Guide มีความทันสมัยและ Interactive มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เพิ่มประสิทธิภาพของ Study Guide

Principle ที่จะทำให้ Study guide ออกมาให้ดี

  1. Instruction - วิธีการใช้งานที่ชัดเจน
  2. Print - เทคนิคการพิมพ์ หรือการ Visualization
    1. Readability - อ่านรู้เรื่อง
    2. Legibility - อ่านออก
      1. Typography - รูปแบบตัวอักษร
      2. Layout - การจัดรูปแบบวางข้อความ
      3. Color - การใช้สี
    3. Printability - พิมพ์ออกมาได้
  3. Study Guide ในส่วนของ Study Guide จะใช้ตัวย่อ “TRACKER” ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ที่สำคัญเพื่อไม่ให้พลาดรายละเอียดต่างๆ
    1. T Targets
    2. R Route of study
    3. A Assessment activities
    4. C Core information
    5. K Key tips - เป็นส่วนที่ได้เปรียบของการทำ Study Guide เพราะอาจารย์สามารถใส่ tacit knowledge จากประสบการณ์ได้
    6. E Educational opportunities
    7. R Readable material

Footnotes

  1. Study guide

  2. AMEE Medical Education Guide No 16: Study guidesÐ their use and preparation